มุฮัมมัด อับดุฮ์ (
อาหรับ: محمد عبده; ค.ศ. 1849 – 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1905) เป็น
นักวิชาการอิสลามชาวอียิปต์[18] และแกรนด์มุฟตีแห่งอียิปต์
[29][30][31] เขาเป็นตัวตั้งตัวตีใน
อันนะฮ์เฎาะฮ์อาหรับและ
นวยุคนิยมอิสลามในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
[5][29]ในวัยเด็กเขาเป็นคนที่สนใจเรียนทางด้านศาสนามาก สามารถท่องจำ
อัลกุรอ่านได้ทั้งเล่ม ต่อมาใน พ.ศ. 2405 เขาได้ไปเข้าเรียนในโรงเรียนของ
มัสยิดอะห์มะดีที่มีชื่อเสียงในเมือง
ตันญา เขาได้รับการศึกษาตามขนบเดิม แต่มีปัญหากับการเรียนจึงกลับไปประกอบอาชีพที่บ้านเดิมและแต่งงานเมื่อ พ.ศ. 2408 ต่อมา เขาได้ไปศึกษาลัทธิ
ซูฟีที่แคว้นบุฮัมเราะห์ และใน พ.ศ. 2409 ได้ไปเรียนต่อที่
มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร ที่กรุง
ไคโร และศึกษาอยู่ที่นั่นจนถึง พ.ศ. 2420 ใน พ.ศ. 2521 เขาได้เป็นครูสอนประวัติศาสตร์ที่สำนักวิทยาศาสตร์ของวิทยาลัยฝึกหัดครูไคโรต่อมา อับดุฮ์ได้เป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์อัล-มิศริยะฮ์ และได้เลื่อนเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการในที่สุด ซึ่งทำให้เขามีโอกาสเผยแพร่ความคิดผ่านทางหนังสือพิมพ์ ต่อมา เขาเข้าสมทบในพรรคชาตินิยมและเข้าร่วมในการกบฏอูราบีใน พ.ศ. 2522
[32] ใน พ.ศ. 2425 เขาออกจากอียิปต์ไปยังอังกฤษ และต่อมาได้ไปยังเบรุต เพื่อจัดตั้งระบบการศึกษาแบบอิสลามที่นั่น และใน พ.ศ. 2427 เขาเดินทางไปสมทบกัน
จามาล อุดดีน อัล-อัฟกานีที่
ปารีสเพื่อกู้อิสรภาพให้อียิปต์ ในปารีส เขาได้ร่วมมือกับอัลอัฟกานีในการจัดตั้งสมาคมลับชื่อ ญะมีอะตุล-อุรวะฮ์ อัล-วุษกอ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวมมุสลิมเข้าด้วยกัน และได้เริ่มขบวนการปฏิรูปที่ส่งผลต่อแนวคิดของนักอิสลามรุ่นหลัง ในระหว่างนี้เขาได้แปลงานของอัลอัฟกานีจาก
ภาษาเปอร์เซียเป็น
ภาษาอาหรับเขากลับมาเป็นครูในเบรุตเมื่อ พ.ศ. 2428
[4] เขาได้กลับไปเป็นครูสอนที่สำนักวิทยาศาสตร์ในอียิปต์เมื่อ พ.ศ. 2431 และได้เป็นที่ปรึกษาของศาลอุทธรณ์ในกรุงไคโรเมื่อ พ.ศ. 2433 และได้เลื่อนเป็นผู้พิพากษาใหญ่ในอียิปต์เมื่อ พ.ศ. 2442 และดำรงตำแหน่งนี้จนเสียชีวิตเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 ที่เมือง
อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ซึ่งเขาได้ปฏิรูปการทำงานของศาลและการบริหารหน่วยวะกัฟในระหว่างนี้ด้วย